วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

วัดเเจ้ง หรือ วัดอรุณ


ถ้ากล่าวถึงชื่อวัดเเจ้ง หรือวัดวัดอรุณราชวราราม
คงจะไม่มีใครที่จะไม่รู้จักว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของประเทศไทยสร้างใน สมัยอยุธยาว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมา เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน(วัดนวลนรดิศ)แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก ส่วนเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งนั้น เชื่อกันว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรีใน พ.ศ. 2310ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดแจ้ง แต่ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเพลงยาวหม่อมภิมเสน วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่บรรยายการเดินทางจากอยุธยาไปยังเพชรบุรี ได้ระบุชื่อวัดนี้ไว้ว่าชื่อวัดแจ้งตั้งแต่เวลานั้นแล้วขึ้นมาเเม้กระทั้งชาวต่างชาติก็ยังต้องมาเที่ยวชม ถ่ายภาพวัดนี้กันทั้งนั้น





นับเป็นวันที่ทั้งเป็นประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของคนไทย เเละเป็นที่สักการะกรนาบไหว้ขอพรกันอย่างถ้วนหน้า ในครั้งนี้ได้มีโอกาศได้เป็นทำบุญที่วัดเเห่งนี้ได้เยี่ยมชมวัดเก่าเเก่ไหว้พระ ทำบุญ ถ่ายภาพ ซึ่งภาพที่มาเเล้วต้องถ่ายก็คือ เจดีย์ดังภาพนอกจากนั้นเเล้วก็คงจะเป็นยักษ์สองตนที่เฝ้าประตูทางเข้า





นอกจากนั้นบริเวณด้านหน้าที่ตัดกับเเม่น้ำเจ้าพระยาเป็นนที่ที่สามารถนั่งเรื่อสัญจรไปมาได้เเละยังสามารถที่จะให้อาหารปลาที่มาเเหวกไหวอยู่บริเวณโป๊ะเรื่อได้ด้วยซึ่งขนาดตัวใหญ่พอสมควรเชียวล่ะ


ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากวิกิพิเดียครับ

@wangdummountaincamp

                 


                   ครั้งเเรกกับการเดินทางไปเข้าค่ายในชีวิตการเป็นนักศึกาามหาวิทยาลัยในจังหวัดกาญนะจ๊ะบุรี เอ้ย! กาญจนบุรี ฮ่า ๆ ค่ายครั้งนี้จัดขึ้นที่วังดุมรีสอร์ท หรือที่เรียกกันว่า wangdummountaincamp การเดินทางที่เเสนลำบากมากในช่วงของการนั่งรถเข้าไปในป่าค่อนข้างจะลึกพอสมควร บวกกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างจะร้อนมาก ๆ เเต่พอถึงเเล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะบรรยากาศที่เเสนจะสวยงาม มีที่พักที่สะดวกสบายสะอาดภูเขาล้อมรอบ ป่าไม้เขียวขจี 



ไม่ทันได้ทำอะไรเพียงเเค่เก็บข้าวของ ก็ได้เวลาสำคัญคือการรับประทานอาหารกลางวันนั่นเอง ที่นี้เค้ามีบริการโดย มีเเม่ครัวมาทำอาหารให้รับประทานทุกมือเลยทีเดียวสำคัญที่สุดคือ กินไม่อิ่มเติมได้คล้ายกับ บุฟเฟ่เลยล่ะ เข้าค่ายครั้งนี้ต้องอยู่เป้นเวลา สองคืน กับอีกสามวัน 



เป็นค่ายที่สนุกสนานมากรับทั้งความรู้เเละความบันเทิงจากการฟัง บรรยายสั้น ๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์ เเละความสนุกสนานจากบรรดารู่นพี่ที่เข้ามาให้ความบันเทิง เเละได้เก็บภาพยามเช้าของ wangdummountaincamp มาฝากด้วยครับ พอดีตื่นเร็ว อิอิ







สะกดคำว่า กาลเทศะ

             

  วันนี้เป็นอีกวันที่มีเรื่องราวมานำเสนอทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านครับ คือ
 ไม่ทราบว่าการกระทำ ความประพฤติของวัยรุ่นปัจจุบันนี้ ไม่ได้คำนึงถึงกาละเทศ
 ไม่เคารพสถานที่ ไม่ให้เกีรติผุ้คนที่เดินผ่านไปมาพูด ๆ ง่ายว่า ไม่ได้เเคร์สายตาประชาชนเลย
                 วันนี้ได้นั่งอยุ่บริเวณใต้ตึกของคณะที่มหาวิทยลัยคุยกับเพื่อนทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง เวลาประมาณบ่ายสามโมงเห็นจะได้ ก้มีกลุ่มนักศึกษาไม่รุ้ว่า เอกอะไร สาขาไหน
มานั่งอยู่ข้าง ๆ พูดจาโหวกเหวกโวยวายเสียงดังเกินจะบรรยายไม่เกรงใจคนรอบข้าง ผ่านไปก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเวลาผ่านไปไม่นานสายตาก็ไปสะดุดกับภาพที่ไม่น่าจะได้พบเห็น ในบริเวณที่มีคนเดินอยู่พลุกพล่าน ไม่คิดว่าหนุ่มสาวคู่นี้จะกล้าเเสดงความรักท่ามกลางสายตาประชาคมขนาดนี้ภาพที่เห็นคือ
ผู้หญิงนั่งตักผู้ชายมือคล้องคอ หยอกล้อเล่นกันท่ามกลางหมู่เพื่อนที่ทั้งนั่งเเละยืนมุงอยู่รอบข้าง
อันที่จริงภาพเเบบนี้ไม่ควรที่จะเกิดในสถาบันการศึกษาเลยที่สำคัญไปกว่านั้นคือยังเเต่งกายชุดนักศึกษาอยู่ไม่ควรประพฤติตนเช่นนั้น หากแต่อยู่นอกมหาวิทยาลัยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการกระทำนี้นอกจากจะเป็นที่จับตามองของคนทั่วไปแล้วอาจจะถูกตำหนิดูถูกจากคนที่ผ่านมาพบเห้นก็เป็นได้
                 การที่กระทำสิ่งใดควรที่จะดูเรื่องของกาลเทศะเป็นสำคัญ เเละควรจะคำนึงถึงสายตาคนรอบข้างว่าจะถูกมองในเเง่มุมไหน เพราะอาจจะเป็นที่ดูถูกถึงการอบรมเลี้ยงดูได้

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เเวะกินนม!

               

  ช่วงเวลาสั้น ๆ หลังเลิกเรียนกับการเจียดเวลาอันน้อยนิดอีกครั้งในการเที่ยวแบบจุดมุ่งหมายเดียว  ครั้งนี้จุดหมายมุ่งไปที่ มนต์ นมสด ร้านนมยอดฮิตที่เป็นที่รู้จักในหลายวงการ ทั้งนักร้อง นักแสดง นักข่าว รวมถึง กลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาที่ต้องเดินทางมาชิมกันให้ได้ ร้านนี้เขามีการจัดเเต่ร้านได้สวยงสมสลาบตาบรรยากาศดี บริการพร้อมพนักงานค่อนข้างเยอะรวดเร็วทันใจบวกกับรสชาติที่อร่อยมีหลากรสให้เลือกชิม



                 การไปครั้งนี้เป็นการเิิดินทางที่สนุกสุดเหวี่ยงเนื่องจากมีปัญหากับการเรียกพี่แทก(แทกซี่) จึงหันเป้าหมายยานพาหนะเป็นตุ๊ก ๆ แทน รวดเร็วทันใจพร้อมกับลมพัดเย็นสบาย เเละเกร็งตลอดการเดินทางประมาณ 5 นาทีในเวลา 5 โมงเย็นพอดีเป๊ะ  ลงจากรถด้วยความทุลักทุเล ไม่รอช้าจัดหนัก ออร์เดอร์นมคนละเเก้ว ขนมปังคนแผ่นคลละรส



                 บริการเร็วเกินคาดเห็นคนนั่งเยอะมาก เเต่กลับได้เร็วมากเช่นกัน เเต่ก่อนที่จะลงมือรัปประทาน ทุกคนต้องขว้ามือถือ ขึ้นมาแชะ! ไปพอสมควรเพื่อเป็นหลักฐาน ๕๕๕+



                 นั่งกินกันเพลิน พร้อมกับการนำเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดภายในวันนั้นเเละวันก่อน ๆ มารำลึก บรรยากศดี เวลาเหมาะ สนุกสนานเฮฮากันมาก จนลืมเวลาล่วงเลยไปถึง 1 ทุ่ม ก็ออกจากร้านเดินไปที่สนามหลวงทามกลางลมเย็น ๆ ยามค่ำคืนที่เเสนจะสบาย จากนั้นก็บอกลาเเยกย้ายกลับหอ มาทำงานกันต่อ ทริปด่วนตรั้งนี้ก็ได้บรรยากศไปอีกแบบหนึ่ง


วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เกาหลีไม่ดีทุกอย่าง 'Block B'


               
เรื่องนี้ขอหยิบยกประเด็นเรื่องราวของศิลปินจากเกาหลีที่เป็นข่าว โด่งดัง (หรือเปล่า) จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในประเทศไทยไปได้ไม่นาน เหตุเกิดจากการที่ นักร้องกลุ่มนี้ได้แสดงกิริยาที่ถือว่าไม่เหมาะสมในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่น ยกเท่าขึ้นมาตบเเทนมือ ทักทายเเนะนำตัวด้วยการยกเท้าชี้มาข้างหน้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเเละเนื่องด้วยประเทศไทยเรามีวัฒนธรรมที่ค่อนข้างชัดเจนและถือว่า เท้าเป็นสิ่งที่ต่ำสุดไมาควรยกขึ้นมาในระหว่าสนทนา
ดูได้จากคลิปนี้เลยครับ
 จากเหุการณ์นี้ก็คงต้องกลับมาคิดดูว่าเขาทำไปด้วยอารมณ์ไหน ทำไมถึงทำ เเละอยากจะฝากถึงสกวกเกาหลีของประเทศไทยที่ชื่นชอบนักร้องเกาหลี ว่าต้องดูหรือเลียนเเบบเอาเฉพาะการกระทำที่ดีงาน ความสามารถ เเละสติปัญญาด้วยเพราะเหตุการณ์นี้ก็เเสดงให้เห้นเเล้วในทางดี่ดีงามก็ยังมีตัวอย่างที่เป็นบ่อเกิดของความเสื่อมเสียไปพร้อมกัน

ล่าสุด 'Block B' ได้ออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูบ จากกรณีที่แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสม ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทย ตลอดจนรวมถึงกรณีที่เขา พูดถึงสถานการณ์น้ำท่วมของไทย โดยไม่ได้ทันยั้งคิดต่อจิตใจชาวไทย


ขอบคุณคลิปจากyoutube.com

ความเชื่อ เพื่อนบ้าน












              มหาวิทยาลัยคู่ขวัญของสวนสุนันทาครับ คือ  "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต" ซึ่งเก่าแก่ไม่แพ้กัน มีเรื่องเล่าว่า ตึกเรียนรวม อาคาร 11 ซึ่งนักศึกษาแทบทุกคนจะต้องมีโอกาสได้แวะเวียนไปเรียน ที่นั่น มีเรื่องเล่าจากศิษย์เก่าให้ฟังว่า ตึกนี้ขณะ ที่ก่อสร้าง มีคนงานตกลงมาเสียชีวิตระหว่างนั่งอยู่ที่ระเบียง ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก ถึงขั้นต้องจ้างบริษัทก่อสร้างใหม่เข้ามาทำงานต่อ แต่เมื่อทำถึงชั้น 5 ต้องเปลี่ยนบริษัทกันใหม่อยู่หลายบริษัทจึงจะสร้างเสร็จ

                "ดังนั้น จะพบว่า ตั้งแต่บันไดชั้น 5 ขึ้นไป ความกว้างของขั้นบันไดจะแคบลงเรื่อยๆ ทางขึ้นจะชันมาก"

               หรือที่ตั้งของสำนักโพลชื่อดัง "สวนดุสิตโพล" ซึ่งเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว สีเขียวอ่อน แต่หากสังเกตดีๆ ที่ด้านข้างใกล้ฟุตปาธ จะมีลูกกรงเหล็กอยู่ มีเรื่องเล่าลือต่อๆ กันมาว่า อาคารนี้เคยใช้เป็นคุกเก่าสำหรับขังนัก โทษ และว่ากันว่าหากใครคิดหรือทำอะไรผิด มาเดินผ่านแถวนี้จะเห็นหรือได้ยินเสียงแปลกๆ แถวนี้

                เช่นเดียวกันที่อาคาร 1 ตึกศิลปกรรม ซึ่งเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ขวางประตูทางเข้า ประตู 1 ซึ่งอดีตเป็นหอสำหรับเล่นดนตรี ไทยของชาววัง เล่าต่อกันว่ากลางค่ำกลางคืนใครเดินผ่านไปมามักจะได้ยินเสียงดนตรีไทยลอยมา

                  และที่บ่อน้ำหน้าโฮมเบเกอรี่ ซึ่งขนานกับตึก 1 ว่ากันว่ามักจะมีเต่ามาเดินเล่นให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่เชื่อว่า ใครเผลอไปทัก ดีไม่ดีจะเรียนไม่จบเอาง่ายๆ

                   นอกจากนั้นยังมีศาลพระภูมิประจำสถาบัน หรือที่เรียกกันว่า ศาลพ่อปู่ ที่นักศึกษาใหม่ ทุกรุ่นจะต้องไปเคารพสักการะ เชื่อกันว่า หากนักศึกษาคนใดต้องการที่พึ่งพิงทางใจในเรื่องต่างๆ สามารถมาขอกับพ่อปู่ได้ แต่มีคำเตือนห้อยท้ายว่า "ห้ามบน"

ขอบคุณข้อมูลจาก forum.thaidvd.net

จริงหรือไม่ในสวน'นัน ทักเต่าเเล้วเรียนไม่จบ




เรื่องราวความเชื่อของมหาวิทยาลัยสวนสุนันทา สำหรับใครที่ได้เข้ามาหรือ ค้าหาคำว่าสวนสุนันทา จาก ที่ไหนก็ตามมันใจว่าคงจะได้ยินได้อ่านเสียงร่ำลือ เรื่องเล่าที่ว่า ในสวนสุนันทามีเต่าในสระภา่ยในมหาวิทยาลัยด้วยความเชื่อที่ว่าหากใครที่เข้ามาเรียนเเล้วเผลอทักเต่าในสระอาจจะเรียนไม่จบและสถานที่ที่น่าจะรู้จักกันดีในสวนสุนันทาอีกแห่งคือ "เนินพระนาง" ซึ่งเป็นเนินดินลักษณะคล้ายภูเขา หลายคนบอกว่า เป็นหลุมหลบภัยสมัยสงครามโลก นอกจากนั้นยังมีอีกเนินด้านหลังอาคารคณะนิเทศศาสตร์ ซึ่งจะมีศาลพระภูมิอยู่ เล่ากันต่อมาว่า ใครไปบนที่นั่นต้องเอาผ้าแพรสีแดงกับมะพร้าวติดไปด้วย ส่วนใหญ่ที่นิยมกันคือบนให้เรียนจบให้สอบผ่าน 

ถัดมาที่บึงใหญ่กลางมหาวิทยาลัย มีเรื่องน่าแปลกว่า ใครที่อุตริเล่นพิเรนทร์กระโดดลงไปเล่นน้ำในบึงดังกล่าวจะเรียนไม่จบ แต่ขณะเดียวกัน บึงนี้กลับเป็นบึงที่นักศึกษาหลายคนที่บนบานไว้ขอให้เรียนจบ นิยมมาโดดน้ำแก้บนหลังเรียนจบไปแล้ว